วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

10 โรคพบบ่อย ที่แฝงกายมาพร้อมกับไอหนาว


1. โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ทั้งสายพันธุ์ เอ,บี, 2009 และไข้หวัดตามฤดู(หนาว) กำลังระบาดอยู่ในปัจจุบัน และแนวโน้มมากขึ้นในช่วงเปิดเทอมนี้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย สามารถติดต่อกันได้ทางการหายใจ ไอ หรือจามรดกัน เชื้อมักแพร่กระจายในสถานที่แออัดไม่มีอากาศถ่ายเท เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด โดยอาการจะเริ่มต้นจากการมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บหรือแสบคอ บางคนอาจหนาวสั่น แต่หากเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ก็มักจะมีอาการรุนแรงกว่าการติดหวัดธรรมดา คือไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามกล้ามเนื้อ ตามกระดูก คลื่นไส้ กินได้น้อยลง ร่วมกับอาจมีภาวะขาดน้ำหากมีอาการอาเจียนร่วมด้วย และควรระวังโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ คออักเสบ ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ
120725_story1_feature12. โรคหลอดลมอักเสบ เป็นโรคที่อาจเกิดตามหลังไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส จะมีอาการไอและไอมากตอนกลางคืน โดยระยะแรกจะไอแห้งๆ มีเสียงแหบและเจ็บหน้าอกมาก เสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว มีไข้ อ่อนเพลีย ในเด็กอาจไอมากจนอาเจียน บางรายมีอาการคล้ายหอบหืดจากภาวะหลอดลมหดเกร็งตัว โดยปกติโรคนี้สามารถหายได้เองภายใน 1 - 3 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็อาจลุกลามถึงขั้นปอดอักเสบได้ การรักษาเบื้องต้น คือการพักผ่อนให้มาก ควรดื่มน้ำอุ่นมากๆ เพื่อช่วยให้เสมหะระบายออกได้ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงดื่มน้ำเย็น งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงอยู่ในที่ ที่มีอากาศเสียหรือฝุ่นละอองมากๆ
3. โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ เป็นโรคที่อาจเกิดจากจากภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดหรือติดจากเชื้อโดยตรงได้ มีหลายคำที่บางทีหมอเรียกกันอาจฟังดูสับสนทั้ง ปอดอักเสบ นิวโมเนีย ภาวะปอดติดเชื้อหรือ ปอดบวม ซึ่งหมายรวมคือโรคเดียวกันนั่นเอง มักพบในเด็ก สามารถติดต่อได้ทางการหายใจ น้ำมูก น้ำลาย และใช้ของร่วมกัน มีระยะฟักตัวของโรค 1-3 วัน และอาจนานถึง 1 สัปดาห์ในบางราย โรคปอดบวมเป็นโรคที่ควรระวังเป็นอย่างมาก เพราะในปีที่ผ่านมาพบว่าโรคนี้เป็น สาเหตุการตายอันดับหนึ่งของกลุ่มโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กแรกเกิดถึงขวบปีแรก อาการจะเกิดตามหลังโรคหวัดประมาณ 2-3 วัน ดังนั้นหากพบว่าสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการโดยเฉพาะในเด็กเล็กให้ควรนำมาปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
4. โรคหัด พบมากในเด็กอายุตั้งแต่ 1-6 ปีผู้ใหญ่ที่ไม่เคยติดเชื้อหรือไม่มีภูมิก็สามารถติดได้ในช่วงที่มีความชุกของการระบาดในช่วงอากาศเย็นๆนี้ เชื้อสามารถติดต่อได้จากการไอ จามรดกัน หรือได้รับละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายเข้าไป โรคหัดมักเกิดในช่วงฤดูหนาวยาวต่อช่วงฤดูร้อน ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับฉีดป้องกัน อาการของโรคจะเริ่มจากมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง อาการจะรุนแรงมากขึ้น จนมีอาการปวดเมื่อยตัว ถ่ายเหลว ผื่นของไวรัสหัดจะขึ้นราววันที่ 4 หลังรับเชื้อ หลังจากนั้นไข้จะค่อยๆลด เมื่อผื่นกระจายทั่วตัว ระหว่างนั้นต้องระวังการเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ อุจจาระร่วง สมองอักเสบ และภาวะทุพโภชนาการ
5. โรคหัดเยอรมัน เชื้อไวรัสหัดเยอรมันทำให้มีไข้ต่ำจนถึงไข้สูง มีผื่นแดงคล้ายหัด แต่ลักษณะผื่นจะใหญ่และเป็นกลุ่มๆกระจายตัวห่างกว่า ในเด็กเล็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยจะมีอาการประมาณ 1-5 วัน มีไข้ ผื่นแดงตามตัว อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร สิ่งสำคัญคือ ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรือแพร่กระจายในระหว่างการตั้งครรภ์
6. โรคอีสุกอีใส พบว่ามักเกิดในเด็กและผู้ใหญ่ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน อาการแรกเริ่มจะมีไข้ต่ำๆเหมือนไข้หวัด หลังจากนั้นจะมีผื่นแดง ตุ่มนูนขึ้น และจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำใสประมาณ 2-3 วันนับตั้งแต่เริ่มมีไข้ หลังจากนั้นตุ่มพองใสก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง แล้วค่อยๆเริ่มแห้งตกสะเก็ด ทั้งนี้ ผื่นอาจขึ้นได้ในคอ ตา และปาก ทำให้กินอาหารได้น้อย เกิดอาการขาดน้ำ โดยทั่วไปหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม โรคจะสามารถหายได้โดยตัวเองโดยไม่เกิดโรคแทรกซ้อน
7. โรคอุจจาระร่วง สาเหตุเกิดได้จากเชื้อไวรัสหลายชนิด และมักพบผู้ป่วยได้มากในหน้าหนาว สามารถติดต่อได้จากการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป นอกจากนี้ยังติดต่อทางน้ำลาย น้ำมูกได้เช่นกัน ลักษณะอาการจะถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง แม้อาการไม่รุนแรง แต่อาจมีอาการขาดน้ำรุนแรงได้ในบางราย ภาวการณ์การติดเชื้อมักพบได้ในชุมชน โรงเรียน ค่ายทหารหรือศูนย์ฝึกที่อยู่รวมกันแออัด ศูนย์ฝากเลี้ยงเด็ก หรือสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากๆ ดังนั้น การออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด ก็จะเป็นการป้องกันโรคอุจจาระร่วงได้
8. โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบหน้าหนาว เป็นโรคที่พบได้บ่อยเช่นกัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส มักเป็นคนละชนิดกับโรคตาแดงที่เกิดการระบาดในช่วงหน้าร้อน การสัมผัสกับเชื้อมักเกิดจากมือที่สกปรก ไปหยิบจับหรือสัมผัสกับขี้ตา น้ำตาของผู้ที่เป็นโรคแล้วมาป้ายตาตัวเอง โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบสามารถระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กนักเรียน ส่วนการป้องกันให้หมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือขยี้ตา ไม่คลุกคลีกับคนเป็นโรค เมื่อเป็นโรคควรหยุดงานหรือหยุดเรียน เพื่อไม่ไห้ติดต่อไปยังผู้อื่น
120725_story1_feature29. โรคผิวหนังแห้งอักเสบ เมื่อผิวกระทบอากาศเย็น ทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์น้อยและแห้ง การสูญเสียน้ำออกจากผิวหนังก็จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดปัญหาแห้งหยาบ เป็นขุย แตก ปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาที่ก่อความรำคาญ เพราะเมื่อผิวแห้งมากจะรู้สึกคัน ยิ่งอากาศหนาวมากๆ จะทั้งคัน ยิ่งเกายิ่งมัน ก็ยิ่งแสบร้อนและคัน หากดูแลไม่ดีอาจลุกลามเกิดแผลอักเสบจากการเกาจนเลือดออก และมีสิ่งสกปรกเข้าแผลจนเกิดการติดเชื้ออักเสบขึ้นได้ การป้องกัน คือการรักษาความชุ่มชื้นจากภายในและภายนอกร่วมกัน โดยการดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้ให้มากขึ้น เปลี่ยนรูปแบบและวิธีการอาบน้ำ ใครที่ชอบอาบน้ำอุ่น พึงปฏิบัติโดยลดอุณหภูมิของน้ำที่อาบลงไม่ควรอาบน้ำร้อนเกิน 34 องศาเซลเซียส ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำ หากมีผิวแห้งมากๆ แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้นาน และหากผิวหนังแห้งอักเสบรุนแรงหรือคันมากๆ ให้รีบไปพบแพทย์
10. โรคผิวหนังที่เกิดจากเสื้อกันหนาวหรือเครื่องนุ่งห่มมือสอง เช่นเชื้อรา กลาก เกลื้อน การแพ้ทางผิวหนัง หิด เหา โลน หรือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ ดังนั้นผู้ที่นิยมชมชอบเสื้อผ้ามือสองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะแม้ว่าราคาของเสื้อมือสองจะค่อนข้างถูกกว่า แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงที่มา จึงมั่นใจไม่ได้ว่าจะมีความสะอาดเพียงพอหรือไม่ ไม่รู้ว่าสักมากี่ครั้ง ใส่มากี่มือ ระยะเวลาระหว่างเปลี่ยนมือเจ้าของ อาจนำพาเชื้อโรคร้ายต่างๆมาสู่ผิวหนังเราได้อีกด้วย ดังนั้น จะต้องรู้ที่มาของเสื้อผ้าเหล่านั้นเสียก่อนถ้ามีความเป็นไปได้ หรือ และต้องทำความสะอาดให้ถูกวิธี เช่น การซักล้างหลายๆครั้ง การต้มฆ่าเชื้อก่อนการสวมใส่ การตรวจสอบรอยด่างดำ รอยคราบสารคัดหลั่ง รวมไปถึงกลิ่นอับชื้นที่ติดอยู่ เพราะนอกจากเชื้อราที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมีโรคตับอักเสบหรือไวรัสบางชนิด อาจส่งผลร้ายต่อผิวหนังและติดต่อได้เช่นกัน หากผลีผามนำมาสวมใส่โดยไม่ได้ทำความสะอาดก่อน ดังนั้นควรต้มเสื้อผ้าเหล่านี้ให้เดือด ซักล้างให้สะอาดสักสองถึงสามน้ำ ฆ่าเชื้อก่อนและนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้นเมื่อนำมาสวมใส่
การเตรียมตัวพร้อมรับมือกับ 10 โรคร้าย ที่อาจแฝงมากับหน้าหนาวในปีนี้ จึงควรรู้จักกับโรคต่างๆเอาไว้ให้ รู้จักวิธีการป้องกันและดูแลรักษาในเบื้องต้น กินของร้อน รับประทานอาหารที่สุกและสะอาด ในสัดส่วนที่เหมาะสม ครบทั้ง 5 หมู่ ใช้ช้อนกลางรับประทานอาหารหากต้องรับประทานอาหารร่วมกัน ล้างมือบ่อยๆให้เป็นนิสัย สวมใส่หน้ากากอนามัยหากตนเองติดเชื้อหรือป้องกันการติดเชิ้อจากผู้อื่นเพื่อป้องกันการไอจามรดใส่กัน ลดการแพร่กระจายเชื้อ หมั่นแบ่งเวลาให้มีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วยที่ไม่สบาย คุณแม่ก็ควรที่จะเลือกเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อให้มีภูมิต้านทานกับทารก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่ว นอกจากนี้แล้ว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีนก็อาจยังถือว่ามีความจำเป็น ทั้งวัคซีนป้องกันโรคอีกสุกอีใส โรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม และไข้หวัดใหญ่ หากสามารถทำได้ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ การเตรียมตัวเพียงไม่กี่ข้อนี้ จะถือว่าเป็นคาถาวิเศษสำหรับป้องกันโรคที่แฝงมากับหน้าหนาวในปีนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว


ที่มา : pleasehealth

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น