ปัญหานอนกรน ตอนนี้เรียกได้ว่าพบกันบ่อยเลยทีเดียว แต่นอนกรนแล้วจะเป็นปัญหาตามมากับเด็กด้วยหรือไม่
- นอนกรนทุกวันหรือไม่
- มีอาการหายใจลำบาก หยุดหายใจ สะดุ้งตื่นร่วมด้วยหรือไม่
- มีอาการกระสับกระส่ายตอนนอนกรน ร่วมกับเหงื่อออก
- ปัสสาวะรดที่นอน - ตอนตื่นนอนมีอาการซน สมาธิสั้น ง่วงนอนตอนกลางวัน
- มีปัญหาการเรียนหรือไม่
ถ้านอนกรนแล้วมีปัญหาต่างๆที่พูดถึงด้วยแล้วแสดงว่ามีปํญหา OSA (obstructive sleep apnea) ซึ่งเราจะพบในเด็กช่วง 3-6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีระบบน้ำเหลืองกำลังเจริญเติบโตอย่างมาก ทำให้ต่อมทอลซิลและต่อมอดีนอยด์โต และถ้าใครอ้วน เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อยๆ เป็นไซนัสอักเสบ หรือดมควันบุหรี่จากคนในบ้านบ่อยๆ ก็จะย่งทำให้ต่อมน้ำเหลืองพวกนี้โตเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบทำให้นอนกรน และมีปัญหาอื่นๆตามมา หรือในบางรายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติก็ทำให้นอนกรนได้
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีปัญหานอนกรนร่วมกับอาการดังกล่าวข้างต้นบางอย่างด้วยแล้ว ควรไปปรึกษากุมารแพทย์ทางเดินหายใจโดยเฉพาะเพื่อประเมินความรุนแรงและอาจต้องตรวจเพิ่มเติมค่ะ ในบางรายถ้าเป็นรุนแรงมากอาจต้องได้รับการผ่าตัด หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้สมอง ที่สำคัญคือ ถ้าเด็กอ้วนควรควบคุมน้ำหนัก ด้วยการปรับอาหาร และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยโดยอาจดูทิปลดน้ำหนัก
ที่มา : pleasehealth
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น